วันจันทร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

กำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์บนตัวเจ้าแมวเหมียว


           ถึงจะขึ้นชื่อว่าเป็นสัตว์รักสะอาด แต่ก็ใช่ว่าเจ้าเหมียวของเราจะปราศจากกลิ่นไม่พึงประสงค์ แมว สามารถมีกลิ่นจากตัวของมันได้ไม่ต่างจากน้องหมา แต่อาจจะน้อยกว่า ซึ่งถ้าหากเป็นกลิ่นเบา ๆ ก็คงจะไม่มีปัญหา แต่ ถ้าเจ้าเหมียวมีกลิ่นแรงผิดปกติเกินไปล่ะก็ คงไม่ดีแน่ ๆ ดังนั้น ให้ลองสังเกตดูว่า กลิ่นเหม็นจากตัวน้องเหมียว มีต้นกำเนิดมาจากอะไร

           ทั้งนี้ กลิ่นจากเจ้าเหมียว อาจเป็นผลมาจากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็น กลิ่นปาก อันเนื่องมาจากฟันผุหรือโรคเหงือ, กลิ่นหู ไร ในหู ที่อาศัยอยู่ปะปนกับขี้หู สามารถก่อให้เกิดกลิ่นเหม็นได้, กลิ่นเหยื่อ บ่อยครั้งที่แมวต้องฟาดฟันกับศัตรูคู่อาฆาตอย่างหนู และกลิ่นของหนูก็อาจติดตัวแมวมาได้, กลิ่นน้ำลาย คราบโปรตีนจากน้ำลายบนขนเจ้าเหมียวที่ถูกขับออกมาขณะเลียขน เมื่อแห้งจะเป็นอาหารของเชื้อแบคทีเรีย ที่อาจก่อให้เกิดกลิ่นได้ ฯลฯ

           และเพื่อเป็นการป้องกันกลิ่นไม่พึงประสงค์ ซึ่งอาจทำให้ น้องเหมียว ขาดเสน่ห์ และหมดความน่ารักไปล่ะก็ เจ้าของควรหมั่นตรวจตราสิ่งต่าง ๆ อันอาจก่อให้เกิดกลิ่นได้ โดยแก้ไขตามต้นเหตุที่พบจากคำแนะนำของ สัตวแพทย์ชื่อดัง รศ.น.สพ.ปานเทพ รัตนากร ดังต่อไปนี้

           หากพบว่าแมวมีกลิ่นปาก ต้องหมั่นดูแลสุขภาพช่องปากเจ้าเหมียว หากทำได้ ควรแปรงฟันเพื่อกำจัดเศษอาหารและคราบหินปูน

           หากพบว่ากลิ่นมาจากหู เช็ดทำความสะอาดในรูหูและใบหูของแมว ควรเช็ดหูเพื่อขจัดขี้หูตลอดเวลา แต่หากพบว่ามีไรอยู่ให้พาไปพบสัตวแพทย์เพื่อกำจัดอย่างถูกวิธี

           หากพบว่า กลิ่นตัวเจ้าเหมียวแรงเกินพิกัด ให้เช็ดทำความสะอาดร่างกายของแมวอย่างสม่ำเสมอ เพื่อขจัดเศษคราบน้ำลาย รวมถึงแปรงขนเป็นประจำ และหากพบว่าแมวออกเที่ยวนอกบ้าน ควรเช็ดตัวทำความสะอาดเพิ่ม

เรียบเรียงบทความโดยกระปุกดอทคอม
http://pet.kapook.com/view24962.html
ภาพประกอบ  อินเตอร์เนต

แมวกินปลาดิบ ดีไหม ?




คอลัมน์ : Cat Care เรื่อง สพ.ญ.พิไลพร กรองแก้ว
         
          บ้านเมืองเราแต่ก่อนอาหารการกินสมบูรณ์ ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว อาหารประจำชาติของเรามีข้าวเป็นหลัก สมัยก่อนใครเลี้ยงแมวก็ต้องให้กินข้าวคลุกปลาทู ยังไม่มีใครผลิตอาหารเม็ดและอาหารกระป๋องสำหรับแมว
          แต่ปัจจุบันนี้ คนไทยเรามีอาหารให้เลือกรับประทานกันหลากหลายมากขึ้น ไม่ใช่แค่เฉพาะอาหารไทยเสียแล้วสิ ท่านผู้อ่านที่เดินเที่ยวห้างสรรพสินค้าบ่อย ๆ คงจะทราบกันดี ทั้งอาหารฝรั่งพวกพิซซ่า มักกะโรนี สปาเกตตี้ ขนมปัง หรืออาหารเกาหลีจำพวกเนื้อย่างเกาหลี กิมจิ แต่ที่ฮิตสุด ๆ และคนไทยชอบกันมาก เห็นจะเป็นอาหารญี่ปุ่น โดยเฉพาะ ซิชิ ข้าวปั้น ต้องยอมรับว่ามันฮิตจริง ๆ หมอจึงนึกเรื่องที่จะเขียนเกี่ยวกับน้องเหมียวขึ้นมาได้เพราะ หมอก็ชอบทานซูชิหน้าปลาดิบเหมือนกัน
          แน่นอนล่ะ เรากินได้ น้องเหมียวก็ต้องมีเอี่ยวมานั่งตาละห้อยขอกินอยู่ข้าง ๆ เป็นใครก็ต้องใจอ่อนยอมให้เจ้าเหมียวลองลิ้มชิมรสดูบ้าง ปรากฎว่าเจ้าเหมียวมันชอบมากทุก ๆ รส และที่ชอบมากที่สุดก็จะเป็น ซูชิหน้าปลาดิบ (เลือกกินแต่เนื้อปลาดิบ ข้าวไม่แตะเลย) เอาล่ะ มาเข้าเรื่องกัน หมอก็จะขอมาบอกเล่าว่าแมวกินปลาดิบ...จะดีไหมเอ่ย

ข้อดีของการกินปลาดิบ
          คนญี่ปุ่นชอบกินปลาดิบกัน เพราะรสชาติมันหวาน เนื้อนุ่ม วิตามินโปรตีนต่าง ๆ ในเนื้อปลายังอยู่ครบ ไม่ถูกทำลายไปเพราะความร้อนจากการปรุงอาหาร  เขาเชื่อว่ามันเป็นอาหารบำรุงร่างกายชั้นยอด นั่นคือข้อดี แน่นอนว่าที่เจ้าเหมียวชอบกินปลาดิบ ก็คงเพราะรสชาติเนื้อปลามันนุ่ม หวานลิ้น มีกลิ่นคาวเลือดของปลาอยู่ เจ้าของบางท่านเห็นแมวชอบก็ให้กิน เพราะแมวดูเจริญอาหารดี มีความสุข มีข้อดีก็ต้องมีข้อเสียของการกินปลาดิบ ข้อเสียนี้ท่านผู้อ่านต้องอ่านอย่างพินิจพิเคราะห์ เพราะมันสำคัญมากเลยสำหรับเจ้าเหมียว
ข้อเสียของการกินปลาดิบ
          ท้องเสีย : เนื้อปลาดิบสด ๆ ไม่ได้ผ่านการปรุงอาหารโดยใช้ความร้อนหากมีขั้นตอนในการเตรียมแล่เนื้อปลา ที่ไม่ดี เช่น เขียงไม่สะอาด แล่เนื้อปลาผิดวิธีไปปนเปื้อนกับอุจจาระในลำไส้ของปลาก็มีโอกาสที่จะปน เปื้อนกับอุจจาระในลำไส้ของปลาได้ ทำให้ท้องเสีย และหากเก็บรักษาเนื้อปลาในอุณหภูมิที่ไม่เหมาะสมก็จะเป็นสาเหตุให้เชื้อโรค เจริญเติบโตได้ดี พอเราจะกินปลาดิบทีหนึ่งก็กลายเป็นว่ากินเอาตัวเชื้อโรคเข้าไปด้วย
          เชื้อโรคสำคัญที่ทำให้เกิดอาการท้องเสียจากการกินปลาดิบก็คือ เชื้อแบคทีเรียซึ่งจะมีอยู่ 3 เชื้อสำคัญ คือ เชื้อแบคทีเรียโคลิฟอร์ม หรือ อี.โคไล (Coliform; E.coli) เชื้อซัลโมเนลล่า (Salmonella spp.) และเชื้อวิบริโอ (Vibrio spp.) ทั้ง 3 เชื้อนี้เป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการท้องร่วงอย่างรุนแรง น้องเหมียวตัวใดรับเชื้อเข้าไปโดยการกินทางปากจะมีอาการท้องเสีย อาเจียน ปวดท้อง(คลำท้องแล้วแมวจะเกร็งท้อง)  หากท้องเสียมาก ๆ ร่างกายจะมีอาการขาดน้ำ ตัวแห้งน้ำ อ่อนเพลีย ซึม บางตัวอาจมีไข้ หรือมีอุณหภูมิของร่างกายต่ำก็ได้

การรักษาแมวท้องเสีย
          หมอจะวินิจฉัยตรวจร่างกายก่อนว่าแห้งน้ำไหม มีไข้ไหม และที่สำคัญหมอจะเอาอุจจาระของมวมาส่งอกล้องจุลทรรศน์ดูว่ามีพยาธิไหม พบเชื้อแบคทีเรียจำพวกใด หมอจะได้รักษาให้ยาฆ่าเชื้อหรือยาปฏิชีวนะ แก้ท้อเสียได้ถูกต้อง แมวตัวไหนแห้งน้ำมาก ๆ หมอจะให้น้ำเกลือร่วมด้วย ท่านผู้เลี้ยงแมวก็ต้องระวังอย่าปล่อยให้มือของท่านเลอะอุจจาระแมวนะจ๊ะ เดี๋ยวเผลอหยิบอะไรกินเข้าปากโดยไม่ล้างมือก็จะทำให้ท่านท้องเสียตามน้อง เหมียวได้
สรุปคือ แมวสามารถกินปลาดิบได้ แต่มีข้อแม้ว่าต้องสะอาด และไม่กินมากจนเกินไป กินพอไม่ให้ตกเทรนด์ก็แล้วกันนะจ๊ะ

สรุปคือ แมวสามารถกินปลาดิบได้ แต่มีข้อแม้ว่าต้องสะอาด และไม่กินมากจนเกินไป กินพอไม่ให้ตกเทรนด์ก็แล้วกันนะครับ

http://pet.kapook.com/view11099.html

ทำไมถึงเรียก แมว 9 ชีวิต

ทำไมถึงเรียก แมว 9 ชีวิต

          ทำไมถึง 9 ชีวิต น่าจะเริ่มมาจากความเชื่อของอิยิปต์โบราณ แมวเป็นสัตว์ที่ได้รับความเคารพตามความเชื่อของอิยิปต์โบราณ ชาวอิยิปต์ที่อาศัยอยู่ที่เมือง Heliopolis นั้นนับถือเทพย์ Atum-Ra เป็นเทพย์สูงสุด คือ สุริยเทพ ผู้เป็นต้นตระกูลแก่ เทพสำคัญๆหลายองค์ ซึ่งเทพผู้ยิ่งใหญ่ 9 องค์ของชาว Osirian ที่เรียกรวมกันว่า "Ennead" นั้นมีดังนี้ Atum , Shu , Tefnut , Geb , Nut , Osiris , Isis , Set , และ Nephthys โดยที่เวลา Atum-Ra นั้นเดินทางไปยังเมืองยมโลก ( Underworld ) จะไปในรูปของแมว โดยที่จะรวมชีวิตทั้ง 9 ร่างไว้ในร่างของผู้สร้างร่างเดียว ( 9 in 1 ) นั่นเอง

         มีบทเพลงสรรเสริญพระเจ้าบทนึง 400 ปีก่อนคริสตกาลได้กล่าวไว้ว่า "O sacred cat! Your mouth is the mouth of the god Atum, the lord of life who has saved you from all taint." หรือแปลได้ว่า " โอ้ ท่านแมวศักดิ์สิทธิ์! ปากของท่านคือปากของเทพย์ Atum เจ้าแห่งชีวิตผู้ซึ่งได้ช่วยท่านให้พ้นจากมลทินทั้งปวง"

         ทั้งหมดนี่น่าจะเป็นที่มาของคำว่า แมว 9 ชีวิต ที่เราได้ยินกันนะ




http://sinblog.wordpress.com/2007/11/05/%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95/

ทำหมันแมวดีอย่างไร

              
       หลายคนเข้าใจว่าการทำหมันแมวเป็นการทรมานสัตว์  อยากให้ทำความเข้าใจเสียใหม่  การที่เราปล่อยให้แมววัยเจริญพันธุ์ออกนอกบ้านไปก่อความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน เช่น ไปกัดกับแมวอื่นนอกบ้าน ไปสร้างครอบครัวโดยที่เราไม่รู้  ล้วนเป็นเหตุจากฮอร์โมนทั้งสิ้น  ถ้าคุณปล่อยให้เป็นอย่างนั้นต่อไปพึงระลึกไว้ว่า  คุณก็เป็นคนหนึ่งที่มีส่วนทำให้แมวจรจัดเต็มบ้านเต็มเมือง  การที่จะจับขังไว้ไม่ให้ออกนอกบ้านก็อาจลดปัญหาแมวจรจัดได้  แต่ฮอร์โมนที่มีอยู่ก็จะเป็นตัวกระตุ้นให้เจ้าเหมียวของคุณร้องหง่าว ๆ กระวนกระวายไม่สิ้นสุด  ปัญหาสำหรับแมวตัวผู้จะมากหน่อย  คือฉี่ทำอาณาจักรของตัวเองไปเรื่อย  เหม็นไปทั้งบ้าน  การที่ทำหมันซะก็จะทำให้ฮอร์โมนส่วนเกินเหล่านี้หมดไป เจ้าเหมียวก็จะอยู่ร่วมบ้านกับคุณได้อย่างสันติ เมื่อฮอร์โมนหมดไปอาการที่อยากออกไปหาคู่ก็ไม่มี อยู่ติดบ้านได้ง่าย ๆ ไม่ต้องฝืนใจกัน ปัญหาเรื่องลูกแมวยั้วเยี้ยเต็มบ้าน หรือแมวจรจัดก็จะลดลง ประโยชน์นี้ทั้งตัวผู้ตัวเมียเลย ถ้าไม่อยากมีปัญหาเรื่องลูกแมว เรื่องแมวออกนอกบ้าน  หายไปรบกับแมวอื่นทำศึกชิงนาง  ไม่อยากมีส่วนร่วมในการเพิ่มประชากรแมวจรจัด ไม่อยากต้องมารักษาโรคติดต่อซึ่งเกิดจากการกัดกับแมวนอกบ้าน (มีโรคอะไรบ้างต้องติดตาม)  ในเมื่อรักที่จะเลี้ยงแล้วน่าจะรับผิดชอบกับแมวที่คุณรักใช่มั้ยล่ะ 

การเตรียมตัวก่อนการทำหมัน            งดอาหารอย่างน้อย 12 ชั่วโมง งดน้ำอย่างน้อย 6 ชั่วโมง เพราะเมื่อวางยาสลบกล้ามเนื้อทุกส่วนจะคลายตัว น้ำและอาหารที่ตกค้างอยู่ในกระเพาะอาหารอาจไหลย้อนกลับออกมา แล้วเศษอาหารเข้าไปอุดตันทางเดินหายใจได้ 

ที่มา   http://jabchai.com

หางน้องแมว บอกอารมณ์

                  ภาษา ที่ใช้ในการสื่อสารทั้งมนุษย์และสัตว์แบ่งออกเป็น 2 อย่าง คือ ภาษาพูด (ใช้เสียง) และภาษาท่าทาง (เป็นการใช้อวัยวะประกอบในการสื่อสาร) แมวสามารถใช้ หางในการสื่อสาร บ่งบอกถึงอารมณ์ของมัน(เช่น เดียวกันกับสัตว์ชนิดอื่นๆ) ดังต่อไปนี้


ถ้าหางม้วนห้อยลง แต่ส่วนปลายหางม้วนชี้ขึ้น :
แสดงว่าแมวตัวนี้กำลังรู้สึกสบายและผ่อนคลาย 
ถ้าหางของมันยกขึ้นเล็กน้อยและม้วนเล็กน้อยอย่างนุ่มนวล : แสดงว่าแมวตัวนี้กำลังรู้สึกเริ่มที่จะสนใจสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
ถ้าหางของแมวตั้งขึ้น แต่ปลายหางเอียง ไม่ว่าจะเป็นการเอียงไปข้างหน้า หรือข้างหลัง :
แสดงว่าแมวตัวนี้กำลัง
สนใจและมีความรู้สึกเป็นมิตรต่อสิ่งที่สนใจ
ถ้าหางตั้งตรงและปลายหางตั้งตรงในแนวดิ่ง :
แสดงว่าแมวกำลังมีอารมณ์ดี รู้สึกเป็นมิตร เมื่อได้พบกัน
ถ้าหางของแมวตั้งตรง โดยที่หาง หรือปลายหางกระดิก หรือสั้นอย่างนุ่มนวล :
แสดงว่าแมวกำลังแสดงความชอบ ความรัก (showing affection).
ถ้าหางของแมวอยู่นิ่งๆ แต่จะมีการกระตุกเป็นครั้งคราว : แสดงว่าแมว รู้สึกว่าถูกรบกวน หรือมีความกังวล ทุกข์
ถ้าหางของแมวนิ่ง แต่ปลายหางมีการกระตุกอย่างหนัก : แสดงว่าแมวกำลังรู้สึกโกรธมาก
ถ้าหางของแมวสะบัดอย่างรุนแรงจากข้างหนึ่งไปอีกข้างหนึ่ง : แสดงว่าแมวกำลังโกรธ*
ถ้าหางแมวเหยียดตรงชี้ขึ้น แต่ขนที่หางลุกชัน :
แสดงว่าThe cat is แมวกำลังดุร้ายก้าวร้าว
ถ้าหางของแมวโค้งและขนตั้งชัน :
แสดงว่าแมวอาจจะตรงเข้าทำร้ายได้ ถ้ามีการกระตุ้นเร้าเพิ่มอีก
ถ้าหางของแมวทอดตัวต่ำลงและลุกพองออก :
แสดงว่าแมวกำลังกลัว
ถ้าหางของแมวยกขึ้นและขนลุกพองออก ทำให้ดูเหมือนมีหางขนาดใหญ่ :แสดงว่าแมวอาจจะ มีความสุขไปกับการวิ่งไล่ขับกันไปรอบๆ
ถ้าหางของแมวลดตัวลงต่ำมาก บางครั้งอาจจะพบว่าซุกอยู่ระหว่างขาหลัง :อาจจะแสดงว่าแมวกำลังยอมแพ้
ถ้าหางของแมวทอดตัวอยู่ด้านใดด้านหนึ่ง และแมวหมอบ หรือย่อตัวอยู่ หรือยกส่วนตะโพกสูงขึ้น : แสดงว่าแมวตัวเมียตัวนั้นพร้อมที่จะรับการผสมพันธุ์ mate.









































ที่มา http://www.vet.ku.ac.th

แมวขาวมณี

แมวขาวมณี



            แมวขาวมณี หรือ ขาวปลอดเป็นสายพันธุ์ที่พบเห็นได้มากสุดในปัจจุบัน เป็นแมวไทยโบราณที่ไม่ได้มีบันทึกไว้ในสมุดข่อย จึงเชื่อว่าเป็นแมวที่เพิ่งกำเนิดในต้นยุครัตนโกสินทร์นี่เอง นิยมเลี้ยงไว้ในราชสำนักครั้งหนึ่งในสมัยรัชกาลที่ 5 แมวชนิดนี้เป็นที่โปรดปราณมาก ในต่างประเทศนิยมเลี้ยงกันเป็นคู่เพื่อให้ผลัดกันทำความสะอาดขน เป็นแมวที่ค่อนข้างเชื่อง เหมาะสำหรับการเลี้ยงเป็นเพื่อนได้เป็นอย่างดี
           ลักษณะเด่นของขาวมณีคือสีขนและผิวกายขาวสะอาด ขนสั้น นุ่ม รูปร่างลำตัวยาวขาเรียว ทรงเพียวลม ไม่อ้วนหรือผอมเกินไป หัวไม่กลมโต แต่เป็นทรงสามเหลี่ยมคล้ายหัวใจ หน้าผากแบนใหญ่ หูขนาดใหญ่และตั้งตรงจมูกสั้น ดวงตาจะรีเล็กน้อยนัยน์ตาเป็นสีฟ้าหรือเหลืองอำพันสีใดสีหนึ่งเมื่อนำแมวขาวมณีตาสีฟ้า ผสมกับแมวขางมณีตาสี อำพัน ลูกที่ออกมาจะมีตาสองสี คือ สีฟ้าข้างหนึ่งและสีเหลืองอำพันข้างหนึ่ง ซึ่งเป็นลักษณะที่ถูกควบคุมโดยยีนด้อยในแมวขาวมณีแทบทุกตัวจะมีจุดด้อย เช่น ถ้ามีตาสองสีมักมีตาข้างหนึ่งที่ไม่ดี อาจมองเห็นไม่ชัดหรือมองไม่เห็นเลย ถ้าแมวตาสีฟ้ามักจะหูพิการ หรือไม่ได้ยินเสียงมากนัก และแมวตาสีเหลืองอำพันมักมีต่อมขนที่ไม่ดี
          จุดด้อยอีกข้อของแมวขาวมณีคือความไม่ขาวปลอด มีสีใดสีหนึ่งแซมเข้ามา รวมถึงตาสองข้างเป็นคนละสีกัน (Odd eyes) หรือเป็นสีอื่นสีใดที่ไม่ใช่สีฟ้าหรือเหลืองอำพัน ก็ไม่เป็นที่ยอมรับ เช่นเดียวกับขนที่ยาวมากเกินขนาด หางคด หางขอด หางงอและ หางสั้น

ลักษณะเด่น

  • ลักษณะสีขน ขนสั้นแน่นและอ่อนนุ่ม สีขาวไม่มีสีอื่นปน สีผิวหนังเป็นสีขาวปลอดทั้งตัว
  • ลักษณะของส่วนหัว รูปร่างไม่กลม หรือแหลมเกินไป แต่คล้ายรูปหัวใจ ผน้าผากใหญ่และแบน จมูกสั้น หูตั้งใหญ่
  • ลักษณะของนัยน์ตา นัยน์ตาสีฟ้า หรือสีเหลืองอำพัน
  • ลักษณะของหาง หางยาว ปลายหางแหลมชี้ตรง โคนหางใหญ่และค่อยๆ เล็กเรียวกลมไปจนสุดปลายหาง ขาวยาวเรียวได้สัดส่วนกับลำ

ลักษณะด้อย

       ขนมีสีอืนปน นัยน์ตาสองข้างเป็นคนละสี หรือเป็นสีอื่น ตาเอียง จมูกหัก หูไม่ตั้ง หางสั้นมากเกินไป (เมื่อยืดขาหลังให้ขนานกับหาง ความยาวของหางสั้นกว่าขาเกิน 3 นิ้ว ) หางขอด หางหงิกงอ หางสะดุด ปลายหางคด ดุเกินไป เลี้ยงลูกไม่ดี


สายพันธุ์
                            
                    มี 2 สายพันธุ์
                                 
                                 - สายพันธุ์ตาสีเหลืองอัมพัน
                                 - สายพันธุ์ตาสีฟ้า

                      
                    ถ้าเอาทั้งสองสายพันธุ์มาผสมกัน จะเกิดเป็นแมวตาสองสี คือข้างหนึ่งสีเหลือง อีกข้างหนึ่งสีฟ้า

ที่มา  http://th.wikipedia.org

แมวเหน็บเสนียด

แมวเหน็บเสนียด






             แมวเหน็บเสนียด เป็นแมวที่พิการมาตั้งแต่กำเนิด โคนหางเป็นสีด่าง เวลานั่งมักเอาหางซ่อนไว้ใต้ก้นเหมือนค่างในป่า มีนิสัยโหดร้าย เที่ยวไล่กัดแมวตัวอื่นอยู่เสมอ ถ้านำมาเลี้ยงจะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงวงศ์ตระกูล


ที่มา  http://th.wikipedia.org

แมวกอบเพลิง

แมวกอบเพลิง






          แมวกอบเพลิง เป็นแมวที่ชอบอยู่ตามลำพังตามยุ้งข้าว ตามป่า ไม่ค่อยจะพบคน เวลาพบคนมักกระโดดหนี ชอบทำตัวลึกลับ ให้โทษแก่ผู้ที่นำมาเลี้ยง

ที่มา  http://th.wikipedia.org

แมวพรรณพยัคฆ์

แมวพรรณพยัคฆ์
 
 
 
 
            แมวพรรณพยัคฆ์ หรือ แมวลายเสือ มีลักษณะคล้ายเสือ มีขนสีมะกอกเขียว หรือมะกอกแดง หยาบกระด้าง นันย์ตาสีแดงดั่งสีเลือด เสียงร้องโหยหวนเหมือนเสียงผีโป่งร้องตามป่าเขา ชอบหลบซ่อนตามที่มืดในเวลากลางวัน ไม่ควรนำมาเลี้ยง เพราะจะทำให้เกิดความเดือดร้อน

ที่มา  http://th.wikipedia.org

แมวปีศาจ

แมวปีศาจ



             แมวปีศาจ โบราณถือว่าสัตว์เลี้ยงเพศเมีย ถ้าคลอดลูกออกมาแล้วกินลูกตัวเอง ไม่ว่าสุนัขหรือแมวห้ามเลี้ยงเด็ดขาด แมวชนิดนี้มีรูปร่างเหมือนผีร้าย ตัวผอม หนังเหี่ยวยาน หางขอดนันย์ตาสีแดงเลือด ชอบหลบตามที่มืด กลางวันเซื่องซึม กลางคืนกลับว่องไวปานผีร้าย

ที่มา  http://th.wikipedia.org

แมวทุพลเพศ

แมวทุพลเพศ

           
         แมวทุพลเพศ เป็นแมวร้ายชนิดหนึ่ง มีสีขาวหม่น หางขอด หรือม้วน นัยน์ตาสีแดงเหมือนเลือด ชอบขโมยปลากินในตอนกลางคืน ใครเลี้ยงไว้จะเกิดความเดือดร้อนเป็นประจำ

ที่มา  http://th.wikipedia.org/wiki

แมวศุภลักษณ์

แมวศุภลักษณ์



                แมวศุภลักษณ์ เรียกอีกชื่อว่า แมวทองแดง มีสีทองแดงหรือน้ำตาลแดงเข้มทั่วตัว อาจมีสีเข้มเป็นพิเศษตำแหน่งเดียวกับแมววิเชียรมาศ แมวทองแดงมีรูปร่างขนาดกลาง สง่า น้ำหนักตัวพอประมาณ ขายาวเรียวฝ่าเท้าอวบ ศีรษะค่อนข้างกลมกว้าง ด้วยสีขนออก น้ำตาลเข้ม เหมือนกับสีของทองแดง มีตาสีออกเหลือง หรือ สีอำพัน หนวดมีสีเหมือนลวดทองแดง และบริเวณตามส่วนของร่างกาย เช่นหน้า หู ปลายขา และ หางจะมีสีน้ำตาลเข้มกว่าบริเวณลำตัวทั่วๆไป แมวพันธุ์ศุภลักษณ์จะมีสีสันสะดุดตาอย่างมาก และ มีความสวยงาม สมกับคำว่า "ศุภลักษณ์" ที่แปลว่าลักษณะที่ดี ว่ากันว่าแมวชนิดนี้เป็นแมวที่ได้ติดตามเจ้าของที่เป็นคนไทยซึ่งถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลยศึกที่พม่า เมื่อความนิยมได้แพร่หลายมากขึ้น ชาวต่างชาติจึงได้นำไปจดทะเบียนเป็นแมวสายพันธุ์หนึ่งของโลก โดยใช้ชื่อว่า เบอร์มีส (Burmese) แต่ก็เป็นที่รู้กันว่าต้นกำเนิดอยู่ที่เมืองไทย
               แมวศุภลักษณ์ เป็นแมวที่มีความกระตือรือร้นอยู่เสมอ อยากรู้อยากเห็น ชอบผจญภัย รักอิสระเสรีเหนืออื่นใด ชอบสนใจสิ่งต่าง ๆ รอบตัว กับคนแปลกหน้าแล้วมันดูจะเป็นแมวที่ร้ายพอสมควร
ปัจจุบัน ในเมืองไทยหายากมากแต่มีทั่วไปในอเมริกาและอังกฤษ ซึ่งได้มีการพัฒนาผสมพันธุ์กัน จนได้แมวในลักษณะ สีอื่น ๆ มากมาย ทำนองคล้ายพันธุ์วิเชียรมาศที่แยกออกไปถึง 8 พันธุ์

 ลักษณะที่เป็นข้อเด่น

  • ลักษณะสีขน : ขนสั้น สีน้ำตาลเข้มคล้ายสีสนิม (สีทองแดง) บริเวณส่วนหู ใบหน้า ปลายขา หาง จะมีสีน้ำตาลเข้มกว่าบริเวณลำตัวทั่วๆ ไป 
  • ลักษณะของส่วนหัว : ค่อนข้างกลมและกว้าง หนวดมีสีเหมือนลวดทองแดง หูใหญ่ 
  • ลักษณะของนัยน์ตา : แมวชนิดนี้จะมีดวงตาออกเป็นลักษณะเหลืองๆ หรือออกสีอำพัน หนวดของแมวศุภลักษณ์จะมีสีแวววาวเหมือนกับลวดทองแดงเลยทีเดียว 
  • ลักษณะของหาง : หางยาว ปลายหางแหลมชี้ตรง โคนหางใหญ่และค่อยๆ เล็กเรียวกลมไปจนสุดปลายหาง ขาวยาวเรียวได้สัดส่วนกับลำตัว
 
ลักษณะข้อด้อย
 
           ขนยาวเกินไป สีอ่อนเกินไป มีแต้มสีขาวปน เช่น ที่บริเวณหน้าอก หรือช่องท้อง มีไม่สม่ำเสมอ เช่น มีลายเห็นเป็นทางตามลำตัว โดยเฉพาะตามใบหน้า ขาและหาง นัยน์ตาสองข้างเป็นคนละสี หรือเป็นสีอื่น ตาเอียง จมูกหัก หูไม่ตั้ง หางสั้นมากเกินไป (เมื่อยืดขาหลังให้ขนานกับหาง ความยาวของหางสั้นกว่าขาเกิน 3 นิ้ว ) หางขอด หางหงิกงอ หางสะดุด ปลายหางคด ดุเกินไป เลี้ยงลูกไม่ดี

ที่มา  http://th.wikipedia.org

แมวมาเลศ

แมวมาเลศ




          แมวโคราช หรือ แมวมาเลศ ต้นกำเนิดพบที่อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา หรือที่รู้จักกันในนามว่าโคราช มีหลักฐานบันทึกเกี่ยวกับแมวโคราชในสมุดข่อยที่เขียนขึ้นในระหว่างปี ค.ศ. 1350-1767 หรือประมาณ พ.ศ. 1893-2310 ในบันทึกได้กล่าวถึงแมวที่ให้โชคลาภที่ดี 17 ตัวของประเทศไทย รวมถึงแมวโคราชด้วย ปัจจุบันสมุดข่อยนี้ถูกเก็บไว้ที่หอสมุดแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร
          แมวเพศผู้มีสีเหมือนดอกเลา จึงเรียก แมวสีดอกเลา โดยจะต้องมีขนเรียบ ที่โคนขนจะมีสีขุ่น ๆ เทา ในขณะที่ส่วนปลายมีสีเงิน เป็นประกายคล้ายหยดน้ำค้างบนใบบัว หรือเหมือนคนผมหงอก
ชื่อแมวโคราช เป็นชื่อที่ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย โดยใช้แหล่งกำเนิดของแมวเป็นชื่อเรียกพันธุ์แมว มีเรื่องเล่ามากมายหรือเป็นตำนานเล่าขานเกี่ยวกับแมวโคราช รวมถึงตำนานพื้นบ้านที่กล่าวถึงการที่แมวโคราชมีหางหงิกงอมากเท่าไหร่จะมีโชคลาภมากเท่านั้น (แม้ว่าลักษณะหางหงิกงอไม่ใช่มาตรฐานพันธุ์ตามหลักของ CFA ก็ตาม) แต่คนไทยบางกลุ่มจะเรียกแมวโคราชว่า แมวสีสวาด
          แมวโคราชได้ถูกนำไปเลี้ยงในสหรัฐอเมริกาเป็นครั้งแรกโดย Cedar Glen Cattery ในมลรัฐโอเรกอน โดยได้รับมาจากพี่น้องชื่อ นารา (Nara) และ ดารา (Darra) ในวันที่ 12 มิถุนายน ปี พ.ศ. 2502 ประมาณเดือนมีนาคม ปี พ.ศ. 2509 นักผสมพันธุ์แมวโคราชและแมวไทย (วิเชียรมาศ) ชาวรัฐแมริแลนด์ ได้นำแมวโคราชประกวดในงานประจำปีและ ได้รับรางวัลชนะเลิศและเป็นที่รู้จัก  ปัจจุบันได้มีการผลักดันให้แมวโคราชขึ้นทะเบียนเป็นสัตว์ประจำชาติไทย ในปี พ.ศ. 2552

ลักษณะข้อเด่น


  • ลักษณะสีขน : ขนสั้น สีสวาด (silver blue) ทั่วทั้งตัวและเป็นสีสวาดตั้งแต่เกิดจนตาย 
  • ลักษณะของส่วนหัว : หัวเมื่อดูจากด้านหน้าจะเป็นรูปหัวใจ หน้าผากใหญ่และแบน หูตั้ง ในแมวตัวผู้หน้าผากมีรอยหยักทำให้เป็นรูปหัวใจเด่นชัดมากขึ้น หูใหญ่ตั้ง ปลายหูมน โคนหูใหญ่ ผิวหนังที่บริเวณจมูกและริมฝีปากสีเงิน หรือม่วงอ่อน 
  • ลักษณะของนัยน์ตา : นัยน์ตาสีเขียวสดใสเป็นประกาย หรือสีเหลืองอำพัน ขณะยังเป็นลูกแมวตาจะเป็นสีฟ้า เมื่อโตขึ้นจะค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีเหลืองสด และเมื่อเติบโตเต็มที่ตาจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวใบไม้ หรือสีเหลืองอำพัน 
  • ลักษณะของหาง : หางยาว ปลายแหลมชี้ตรง โคนหางใหญ่และค่อย ๆ เล็กเรียวกลมไปจนสุดปลายหาง ขายาวเรียวได้สัดส่วนกับลำตัว
        คนสมัยโบราณมีความเชื่อว่า แมวสีสวาดเป็นแมวนำโชคลาภของคนโคราช และคนเลี้ยงทั่ว ๆ ไป จะนำมาซึ่งความสุขสวัสดิมงคลแก่ผู้เลี้ยง แมวสีสวาดเคยประกวดชนะเลิศในระดับโลกมาแล้วในปี พ.ศ. 2503 ที่สหรัฐอเมริกา เป็นแมวตัวเมียชื่อว่าสุนัน และเป็นที่นิยมของชาวต่างประเทศมาก จึงนับว่าแมวไทยได้ทำชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทยเป็นอันมาก

 

 ลักษณะข้อด้อย


        ขนยาวเกินไป มีสีอื่นปน นัยน์ตาสองข้างเป็นคนละสี หรือเป็นสีอื่น ตาเอียง จมูกหัก หูไม่ตั้ง หางสั้นมากเกินไป (เมื่อยืดขาหลังให้ขนานกับหาง ความยาวของหางสั้นกว่าขาเกิน 3 นิ้ว) หางขอด หางหงิกงอ หางสะดุด ปลายหางคด ดุเกินไป เลี้ยงลูกไม่ดี

ที่มา  http://th.wikipedia.org

แมวโกนจา

แมวโกนจา





         โกนจา หรือ โกญจา แปลว่า นกกระเรียน แมวชนิดนี้เป็นแมวสีดำสนิทตลอดทั้งตัว ขนสั้น ไม่มีสีอื่นใดปะปนเลยแม้แต่น้อย ยิ่งไปกว่านั้นยังมีลักษณะเป็นขนเส้นเล็กละเอียดนุ่มและเรียบตรงทั้งลำตัว ส่วนหัวกลมแต่ไม่โต มีปากเรียวแหลม หูตั้ง นัยตาเป็นสีเหลืองอมเขียวหรือทองอ่อน อาจเปรียบได้กับดอกบวบแรกแย้มหรือทองดอกบวบ รูปร่างสะโอดสะองคล่องแคล่ว หางยาว ปลายหางแหลมตรง อุ้งเท้าทอดคล้ายเท้าสิงห์ มีความสง่างามขณะเคลื่อนไหว
         แมวสายพันธุ์โกนจา มีลักษณะคล้ายกับแมวสายพันธุ์ต่างชาติอีกสายพันธุ์หนึ่ง คือ บอมเบย์


ลักษณะเด่น
  • ลักษณะสีขน ขนสั้น สีดำตลอดทั้งตัว 
  • ลักษณะของส่วนหัว รูปหัวกลมไม่ใหญ่มาก หูใหญ่ ตั้งสูงเด่นบนส่วนหัว 
  • ลักษณะของนัยน์ตา นัยน์ตาสีดอกบวบแรกแย้ม (สีเหลืองอมเขียว)
  • ลักษณะของหาง หางยาว ปลายแหลมชี้ตรง โคนหางใหญ่และค่อย ๆ เล็กเรียวกลมไปจนสุดปลายหาง ขายาวเรียวได้สัดส่วนกับลำตัว 

ลักษณะข้อด้อย
            ขนยาวมากเกินไป ขนมีสีอื่นปะปน นัยน์ตาสองข้างเป็นคนละสี หรือเป็นสีอื่น ตาเอียง จมูกหัก หูไม่ตั้ง หางสั้นมากเกินไป ( เมื่อยืดขาหลังให้ขนานกับหาง ความยาวของหางสั้นกว่าขาเกิน 3 นิ้ว ) หางขอด หางหงิกงอ หางสะดุด ปลายหางคด ดุเกินไป เลี้ยงลูกไม่ดี

ที่มา  http://th.wikipedia.org

แมวนิลรัตน์

แมวนิลรัตน์








          แมวนิลรัตน์ เป็นแมวมีสีดำสนิททั้งตัว ขนเป็นมันแวววาว นอกจากนั้น เล็บ ลิ้น ฟัน และนัยน์ตา ยังเป็นสีดำอีกด้วย หางเรียวยาว ตวัดได้ถึงศีรษะ ค่อนข้างหายาก หากใครเลี้ยงไว้จะได้ทรัพย์สินเพิ่มพูน


ที่มา  http://th.wikipedia.org

แมววิลาศ

แมววิลาศ



                แมววิลาศ มีสีดำเกือบทั้งตัว ขนเรียบ ยกเว้นใบหูทั้ง 2 ข้าง ปากล่างลงมาถึงหน้าอก ปลายเท้าทั้ง 4 และจากท้ายทอยบนหลังจนถึงปลายหางมีสีขาว หางเรียวยาว นัยน์ตาสีเข้ม รูปร่างสวยงามน่ารัก ใครเลี้ยงจะได้เป็นเจ้าคนนายคน มีทรัพย์สินบริบูรณ์

ที่มา  http://th.wikipedia.org

แมวเก้าแต้ม

แมวเก้าแต้ม





                แมวเก้าแต้ม เป็นแมวสีขาว มีสีดำแต้มสีดำรวมเก้าแห่ง คือ บริเวณหัว คอ โคนขาหน้าและโคนขาหลังหลังทั้ง 4 ข้าง ไหล่ทั้ง 2 ข้าง และโคนหาง ลักษณะแต้มสีดำนี้จะเป็นวงกลมหรือปื้นเหลี่ยมก็ได้ ปลายหางเรียวยาว สีขาว ใครได้แมวเก้าแต้มไว้เลี้ยงดูก็จะทำให้การค้าขายรุ่งเรือง ร่ำรวย คนไทยโบราณมักเลี้ยงไว้ในพระราชสำนัก


ที่มา http://th.wikipedia.org

แมวรัตนกำพล

แมวรัตนกำพล






                  แมวรัตนกำพล มีขนสีขาวดั่งหอยสังข์ยกเว้นบริเวณลำตัวมีสีดำคาดไว้ นัยน์ตาสีทอง ตามความเชื่อ ถ้าใครเลี้ยงไว้จะมียศถาบรรดาศักดิ์ และมีอำนาจบารมี

ที่มา  http://th.wikipedia.org

แมวนิลจักร

แมวนิลจักร




             นิลจักร เป็นแมวสีดำอีกชนิดหนึ่ง บริเวณลำคอมีขนขาวเป็นวง เหมือนมีจักรหรือพวงมาลัยคล้องคอ ใครเลี้ยงไว้ จะมากด้วยทรัพย์สินเงินทอง


ที่มา  http://th.wikipedia.org

แมวมุลิลา

แมวมุลิลา


              

     แมวมุลิลา แมวมุลิลานี้ เป็นแมวขนสีดำ ขนเรียบเป็นมัน แต่บริเวณสองหูเป็นสีขาว นัยน์ตาสีเหลืองราวกลีบดอกเบญจมาศ แมวชนิดนี้ ตำราว่าให้เลี้ยงได้เฉพาะพระสงฆ์ ไม่ควรเลี้ยงตามบ้าน

ที่มา http://th.wikipedia.org

แมวแว่นกรอบ

แมวแว่นกรอบ




                กรอบแว่น หรือ อานม้า เป็นแมวมีขนสีขาวทั้งตัว ยกเว้นกลางหลังนั้นจะมีสีดำเหมือนอานม้าอยู่ และบริเวณขอบตาทั้งสองข้างเป็นสีดำ เหมือนกรอบแว่นตา ใครเลี้ยงไว้จะมีค่ามหาศาล และทำให้มีเกียรติยศชื่อเสียง


ที่มา  http://th.wikipedia.org

แมวปัดเสวตร

แมวปัดเสวตร




               แมวปัดเสวตร (อ่านว่า แมว-ปัด-สะ-เวด) หรือ ปัดตลอด แมวชนิดนี้มีขนสีดำเป็นมันราบเรียบ ยกเว้นปลายจมูกจนถึงปลายหางมีสีเหลืองดั่งพลอยสะท้อนแสง ใครเลี้ยงไว้จะช่วยชูชื่อเสียงวงศ์ตระกูลให้เป็นที่รู้จักทั่วไป

ที่มา http://th.wikipedia.org

แมวกระจอก

แมวกระจอก

           กระจอก เป็นแมวดำลักษณะคล้ายแมวสิงหเสพย์แต่ลำตัวอ้วนกลมน่ารักกว่า ขนดำเป็นมัน มีสีขาวที่รอบปากเท่านั้นส่วนอื่นๆ คล้ายกัน นัยน์ตาสีเหลือง ใครเลี้ยงไว้จะได้ทรัพย์สินเงินทอง เป็นไพร่จะได้กลายเป็นนาย

ลักษณะเด่น
  • ลักษณะสีขน ขนสั้น สีดำ มีขนสีขาว รอบจมูก
  • ลักษณะของส่วนหัว รูปหัวกลมไม่ใหญ่มาก หูใหญ่ ตั้งสูงเด่นบนส่วนหัว
  • ลักษณะของนัยน์ตา นัยน์ตาสีดอกบวบแรกแย้ม (สีเหลืองอมเขียว)
  • ลักษณะของหาง หางยาว ปลายแหลมชี้ตรง โคนหางใหญ่และค่อยๆ เล็กเรียวกลมไปจนสุดปลายหาง ขายาวเรียวได้สัดส่วนกับลำตัว
ที่มา http://th.wikipedia.org

แมวสิงหเสพย์

แมวสิงหเสพย์


               แมวสิงหเสพย์ หรือ แมวโสงหเสพย แมวชนิดนี้มีขนสีดำทั้งตัว แต่มีสีขาวอยู่บริเวณริมฝีปาก จมูกและรอบคอ นัยน์ตาสีเหลืองทอง ใครเลี้ยงไว้จะทำให้มีสมบัติเพิ่ม


ลักษณะ
  • ลักษณะสีขน ขนสั้น สีดำ มีขนสีขาวรอบจมูก และที่คอ
  • ลักษณะของส่วนหัว รูปหัวกลมไม่ใหญ่มาก หูใหญ่ ตั้งสูงเด่นบนส่วนหัว
  • ลักษณะของนัยน์ตา นัยน์ตาสีดอกบวบแรกแย้ม (สีเหลืองอมเขียว)
  • ลักษณะของหาง หางยาว ปลายแหลมชี้ตรง โคนหางใหญ่และค่อยๆ เล็กเรียวกลมไปจนสุดปลายหาง ขายาวเรียวได้สัดส่วนกับลำตัว 
ที่มา http://th.wikipedia.org

แมวการเวก

แมวการเวก



             แมวการเวก เป็นแมวดำอีกชนิดหนึ่ง แต่ไม่ดำหมดทั้งตัว จะมีแต่ปลายจมูกที่มีแต้มสีขาวเล็กน้อย นัยน์ตาทั้งสองข้างสีเหลืองอำพันสดใส ถ้าได้เลี้ยงจะนำโชคลาภมาให้เจ้าของเปลี่ยนฐานะขึ้นไปเรื่อยๆ

ที่มา http://th.wikipedia.org

แมวจตุบท

แมวจตุบท



            แมวจตุบท เป็นแมวสีดำ นอกจากปลายเท้าขึ้นมาจนถึงข้อพับทั้งสี่ข้างเป็นสีขาว นัยน์ตาเป็นสีเหลืองคล้ายดอกโสน ตำราว่าแมวชนิดนี้คนธรรมดาไม่ควรเลี้ยง ควรเลี้ยงเฉพาะราชนิกูล หรือเชื้อพระวงศ์เท่านั้น

ที่มา http://th.wikipedia.org

แมวแซมเสวตร

แมวแซมเสวตร





            แมวแซมเสวตร แปลว่า "แซมสีขาว" เป็นแมวชนิดนี้มีขนสีดำ แซมด้วยสีขาวไปทั้งตัว แต่ขนบางและค่อนข้างสั้น รูปร่างบางเพรียว ตามีสีเขียวเหมือนแสงหิ่งห้อย เดิมทีเคยเชื่อว่าสูญพันธุ์ไปแล้ว แต่เมื่อไม่กี่ปีมานี้ได้พบอีกครั้ง และมีการนำมาผสมพันธุ์เพื่อให้ออกมาเป็นแมวแซมเสวตรที่มีสายเลือด เหมือนในสมัยโบราณ ซึ่งปัจจุบันนี้ ได้มีคนผสมพันธุ์แมวแซมเสวตรขึ้นมาที่เป็นอยู่เพียงไม่กี่ตัวในประเทศไทย และอีกอย่าง หนึ่งที่เป็นสิ่งที่น่ายินดีสำหรับคนไทยทุกคนคือ แมวแซมเสวตรเป็นแมวที่ชาวต่างชาติ ยังไม่รู้จักไม่เคยเห็นและยัง ไม่ได้เอาของเราไปจดลิขสิทธิ์ว่าเป็นแมวของ คนต่างชาติ และเราก็จะจดทะเบียนแมวแซมเสวตรให้เป็นของไทยเราในเร็วๆนี้กับทางชมรมคนรักแมวสยามที่จะเปลี่ยนจากชมรมมาเป็นสมาคมคนรักแมวสยาม


ที่มา   http://th.wikipedia.org

แมววิเชียรมาศ

แมววิเชียรมาศ


               แมววิเชียรมาศ ตรงกับความหมายว่า "เพชรแห่งดวงจันทร์" หรือ "Moon Diamond" บางตำราก็เรียก "แมวแก้ว" ซึ่งก็ตรงกับคำว่า "วิเชียร" แมวชนิดนี้มักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นแมวเก้าแต้มเสมอ ที่จริงแล้วไม่ถูกต้อง แมวเก้าแต้มคือแมวที่มีสีพื้นสีขาว และมีแต้มบนร่างกาย 9 แห่ง เหตุที่มักเข้าใจผิดเพราะแมววิเชียรมาศ จะมีสีพื้นสีขาวงาช้าง (หรือโบราณจะเป็นขาวล้วนก็ไม่ทราบ) และมีแต้มที่จมูกครอบไปถึงปากเป็นหนึ่งแห่ง กับขาทั้งสี่ หูสอง หางหนึ่ง และที่อวัยวะเพศอีกหนึ่ง รวมเป็น 9 แห่งเช่นกัน ในแมววิเชียรมาศนี้แต้มตามตำราว่าไว้ว่าต้องเป็นสีดำดังหมึกวาด แต่ปัจจุบันเมื่อดูให้ดีแล้วจะเป็นแต้มสีน้ำตาลเข้มเกือบดำ ไม่ได้ดำสนิท หรือที่ต่างประเทศเรียกว่า Seal brown หรือแต้มสีครั่ง แมววิเชียรมาศเป็นที่รู้จักในต่างประเทศโดยใช้ชื่อว่า แมวสยาม (Siamese Cat) แต่ต่างประเทศจะมีแต้มสีอื่นที่หลากหลายกว่า ซึ่งประเทศไทยจะยอมรับเฉพาะแมวที่มีแต้มสีน้ำตาลเข้มเท่านั้น นัยน์ตาสีฟ้าก็เป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของแมวชนิดนี้

               แมววิเชียรมาศ เป็นแมวไทยโบราณที่มักเลี้ยงกันในวัง ตั้งแต่สมัยอยุธยา และเป็นแมวมงคลตามตำรา มักกล่าวว่าแมวมงคลคนธรรมดาสามัญชนไม่สามารถเลี้ยงได้ เมื่อสมัยเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่2 แมวไทย 17ชนิดในพระราชวังของกรุงศรีอยุธา ได้ถูกพวกพม่า และเชลย ได้นำไปพม่า เพราะพม่าคิดว่า แมวไทยคือทรัพย์สินที่มีค่าชนิดนึงเนื่องจากแมวไทยในอยุธยาสามารถซื้อขายได้ถึง 1แสนตำลึงทอง หากใครมีแมวชนิดนี้จึงนำมาขายแก่วัง ซึ่งเป็นต้นเหตุที่ทำให้แมวไทยสูญพันธุ์ หลังจากนั้น แมววิเชียรมาศก็สาบสูญหายไปจากประเทศไทย ต่อมา สมเด็จพุฒาจารย์ พุทธสโร ได้ไปเที่ยวกรุงศรีอยุธยาร้าง แล้วไปเจอสมุดข่อยที่ไม่ถูกเผา จึงนำสมุดข่อยกลับมา แล้วให้คนไปไล่ต้อนจับแมววิเชียรมาศ จนได้แมววิเชียรมาศกลับมาสู่ประเทศไทยอีกครั้ง


ลักษณะของแมววิเชียรมาศ
  • ลักษณะสีขน : ขนสั้นแน่นสีขาว หรือสีน้ำตาลอ่อน มีแต้มสีครั่ง หรือสีน้ำตาลไหม้ที่บริเวณใบหน้า หูทั้งสองข้าง เท้าทั้งสี่ หางและที่อวัยวะเพศ (ทั้งแมวเพศผู้และแมวเพศเมีย) รวม 9 แห่ง ขณะที่อายุยังน้อย หรือเป็นลูกแมว สีขนจะออกสีครีมอ่อนๆ หรือขาวนวล พอโตขึ้นสีจะค่อยๆ เข้มขึ้นตามลำดับจนเป็นสีน้ำตาล (สีลูกกวาด)

  • ลักษณะของส่วนหัว : รูปหัวไม่กลม หรือแหลมเกินไป หน้าผากใหญ่และแบน จมูกสั้น หูใหญ่ ตั้งสูงเด่นบนส่วนหัว
  • ลักษณะของนัยน์ตา : ตาสีฟ้า
  • ลักษณะของหาง : หางยาว ปลายแหลมชี้ตรง โคนหางใหญ่และค่อยๆ เล็กเรียวกลมไปจนสุดปลายหาง ขายาวเรียวได้สัดส่วนกับลำตัว 

 ข้อมูล http://th.wikipedia.org